วันที่: 2018-08-20 22:52:51.0
HOT LINE สายด่วน มีปัญหาสุขภาพ
ขอคำปรึกษา ในการดูแลตัวเอง ได้ที่
T.099-1935944 ,Line id batmanonline
มะเร็ง สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่
จากรายงานของสมาคมต่อต้านโรคมะเร็งของอเมริกาได้เคยรายงานไว้ว่า ในปัจจุบันนี้มีประชากร
ชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากกว่า 5 ล้านคนซึ่งเคยเป็นโรคมะเร็งมาก่อนและได้รับการรักษาให้หาย
เรียบร้อยดีแล้วเป็นเวลาเกินกว่า5 ปี ละทุกรายที่รอดชีวิตนี้ เป็นผู้ป่วยมะเร็งในระยะแรกเริ่มทั้งสิ้น
ผู้ป่วยมะเร็งที่มีชีวิตรอดหลังการรักษาเกินกว่า 5 ปี ถือว่า "หาย" การกำหนดระยะเวลา 5 ปี
โรคมะเร็งส่วนใหญ่มักจะกำเริบหรือกลับเป็นใหม่อีกภายในระยะเวลา 5 ปีหลังรักษา
สำหรับในประเทศไทย จากรายงานของสถาบันมะเร็งโรงพยาบาลศิริราชพบว่า
ผู้ป่วยมะเร็งในระยะแรกเริ่มได้รับการรักษาจนหายขาด และยังมีชีวิต และปฏิบัติการงานได้อย่าง
สมบูรณ์เหมือนบุคคลทั่วๆไปเป็นจำนวนมากมายหลังการรักษา 10-20 ปี
และต่อมาอาจจะเสียชีวิตจากสาเหตุ หรือโรคอื่นที่มิใช่จากโรคมะเร็ง
การรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง แพทย์มีจุดมุ่งหมายของการรักษา 2 ประการ คือ
1. การรักษาเพื่อมุ่งหวังให้โรคหายขาด
การรักษาจะอยู่ในวงจำกัดที่โรคมะเร็งยังอยู่ในระยะเพิ่งเริ่มเป็นเท่านั้น วิธีการรักษา
ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด หรือการใช้รังสีรักษาก็ตามจะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ
โดยเฉพาะอาศัยเครื่องมือ และเทคนิคของ การรักษาอย่างละเอียด และแม่นยำ
2. การรักษาเพื่อบรรเทาอาการชั่วคราว
สำหรับผู้ป่วยอยู่ในระยะที่เป็นมากแล้ว (ซึ่งสำหรับผู้ป่วยชาวไทย แพทย์จะให้การรักษา
แบบนี้มากกว่า 90%) การรักษามิได้มุ่งหวัง ที่จะทำให้โรคหายขาด
แต่เพื่อทำให้ผู้ป่วยสบายขึ้นชั่วคราว หรือทุเลาจากอาการต่างๆ เท่านั้น
วิธีการรักษาโรคมะเร็ง ในปัจจุบันมีใช้กันอยู่ 6 วิธี คือ
1. การผ่าตัด
เป็นวิธีการรักษาที่ได้ทั้งการมุ่งหวังให้โรคหายขาดในกรณีที่โรคยังเป็นน้อย
และเพื่อเป็นการบรรเทาอาการชั่วคราว ในกรณีที่โรคเป็นมากแล้ว
ในปัจจุบันนี้ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดรักษาโรคมะเร็งจะต้องชำนาญและฝึกฝนมาทางด้านนี้โดยเฉพาะ
วิธีการผ่าตัด อาจจะตัดเอาเฉพาะก้อนมะเร็งออกเท่านั้น หรือเลาะเอาต่อมน้ำเหลือง และเนื้อเยื่อที่ดี
บริเวณใกล้เคียงออกไปด้วย นอกจากจะผ่าตัดโดยใช้มีดผ่าธรรมดาแล้วในปัจจุบันยังมี
โดยการผ่าตัดด้วยมีดไฟฟ้า การผ่าตัดโดยใช้ความเย็น ระหว่าง -๒๐ ถึง - ๑๕๐ องศา
ผ่าตัดร่วมกับการใช้ยาจี้ให้ผิวหนังไหม้ในการรักษามะเร็งผิวหนัง
และการใช้แสงเลเซอร์แทนมีดผ่าตัด
2. รังสีรักษา
เป็นวิธีการรักษาที่ใช้ได้ทั้งการมุ่งหวังให้โรคหายขาด และเพื่อการบรรเทาอาการชั่วคราว
ผู้ป่วยมะเร็งมักจะได้รับการรักษาด้วยรังสีเพราะอยู่ในระยะที่เป็นมากแล้ว
และการรักษาด้วยรังสี เพื่อบรรเทาอาการ
รังสีที่ใช้รักษาโรคมะเร็งมี 2 กลุ่มใหญ่ คือ
2.1 รังสีโฟตอน
ซึ่งมีพลังงานทะลุทะลวงระหว่า 1.24 กิโลโวลต์ ถึง 12.4 เมกะโวลต์
มีขนาดของคลื่นรังสีระหว่าง 10-0.001 อังสตรอม
2.2 รังสีอนุภาค
ส่วนใหญ่ได้จากการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี หรือจากเตาปฏิกรณ์ปรมาณู
และโดยทั่วไปแล้ว รังสีพวกนี้จะมีพลังงานทะลุทะลวง
และอีกแบบหนึ่ง อยู่ในรูป ของต้นกำเนิดรังสี อยู่ภายในร่างกายของผู้ป่วยได้แก่
การฝังแร่เรเดียมในการรักษามะเร็งในช่องปาก
การสอดใส่แร่เรเดียมในการรักษามะเร็งปากมดลูก หรือการใช้ไอโอดีน 131
รับประทานในการรักษา มะเร็งต่อมไธรอยด์ เป็นต้น
3. การใช้สารเคมีบำบัด
การรักษาในรูปของการใช้ยารักษามะเร็งกำลังเป็นที่สนใจ และมีบทบาทสำคัญ
ในปัจจุบันนี้ มีมะเร็งหลายชนิด ที่อาจรักษาให้หายขาดด้วยยา
แต่ส่วนใหญ่จะใช้เฉพาะในรายที่เป็นมากแล้ว เพื่อเป็นการรักษา เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
การใช้ยารักษามะเร็ง อาจจะแบ่งได้ตามวิธีใช้ คือ
ก. การใช้ยาเฉพาะที่ เช่น ในรูปของการใช้ทา การฉีดเข้าไขสันหลัง
ข. การใช้ยาให้ซึมซาบทั่วร่างกาย เช่น ในรูปของการใช้รับประทาน การใช้ฉีดยาเข้าหลอดเลือด
หรืออาจจะแบ่งตามรูปแนวการรักษา คือ
ก. ใช้เป็นการรักษาหลัก คือ ใช้ยา (ชนิดเดียวหรือหลายชนิดก็ได้) รักษาเพียงวิธีเดียว
อาทิเช่นการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
ข. ใช้ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น เพื่อหวังผลการรักษามากขึ้น เช่น การให้ยารักษามะเร็ง
ภายหลังการผ่าตัด เพื่อหวังในการป้องกันการแพร่กระจาย
ยารักษามะเร็งในรูปของยารับประทานหรือยาฉีดยารักษามะเร็งในรูปของยารับประทานหรือยาฉีด
การใช้ยา อาจจะใช้ยาเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดร่วมกันก็ได้ สำหรับในประเทศไทย
การรักษาโดยวิธีนี้ยังอยู่ในวงจำกัด
เพราะยาพวกนี้ ส่วนใหญ่มีราคาแพงมาก บางชนิดก็ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย
และมีพิษรุนแรง และมีผลแทรกซ้อน จากการรักษามาก
4. การใช้การรักษาทั้ง 3 วิธีกล่าวมาแล้วร่วมกัน
ในปัจจุบันนี้การรักษาโรคมะเร็ง ได้ก้าวผ่านการรักษาตามอาการ และการรักษา
เพื่อบรรเทาเข้ามาสู่การรักษา เพื่อมุ่งหวังให้โรคหายขาดมากขึ้น
แต่เดิมการรักษามักจะกระทำโดยแพทย์เฉพาะทางฝ่ายเดียว เมื่อการรักษาล้มเหลว
จากวิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว จึงเปลี่ยนมาเป็นอีกวิธีหนึ่ง
ทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร ในปัจจุบันนี้ จึงนิยมใช้วิธีการรักษาหลายๆ วิธีร่วมกัน
เพื่อให้ผลการรักษาดีขึ้น หรือสะดวกขึ้น
5. การรักษาโดยการเสริมภูมิคุ้มกัน(ภูมิคุ้มกันบำบัด
เป็นวิธีการรักษาที่เพิ่งจะสนใจ และเริ่มใช้กันในวงการแพทย์เมื่อไม่นานมานี้
และนับวันจะยิ่งมีบทบาทมีความสำคัญในการรักษาโรคมะเร็ง
มากขึ้นเรื่อยๆ โดยอาศัยหลักที่ว่า ผู้ที่เป็นมะเร็งนั้น เนื่องจากว่าร่างกายไม่สามารถที่จะค้นพบว่า
ที่ผิวของผนังด้านนอกของเซลล์มะเร็ง มีแอนติเจนที่เรียกว่า ทีเอเออยู่
หรือในกรณีที่ร่างกายสามารถจะค้นพบแอนติเจนนี้
แต่ร่างกายไม่สามารถจะสร้างภูมิคุ้มกัน หรือแอนติบอดีไปต่อต้าน
หรือทำลายแอนติเจนนี้จะเป็นเพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายล้มเหลว
หรือมีอะไรไปยับยั้งในการสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ฉะนั้น การกระตุ้นให้ร่างกายสามารถจะค้นหาแอนติเจนจากเซลล์มะเร็งได้ห
รือการกระตุ้นให้ร่างกายมีการสร้างภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้นจะโดยทางตรง
หรือทางอ้อมก็ตาม ก็น่าที่จะให้มะเร็งที่กำลังเป็นผู้อยู่ในบุคคลผู้นั้นมีการฝ่อตัวลง
หรือหยุดการเจริญเติบโต หรือโตช้าลงการทำวัคซีนมะเร็ง สำหรับฉีดเข้าร่างกายผู้ป่วยมะเร็ง
การทำวัคซีนมะเร็งสำหรับฉีดเข้าร่างกายผู้ป่วยมะเร็ง
และปัจจุบัน จะมีการใช้ผลิตภัณฑ์ สำหรับ เสริมภูมิคุ้มกัน
ที่เรียกว่า Transfer Factor (ทรานสเฟอรฺ์ แฟกเตอร์ )
ซึ่งเป็นสารธรรมชาติ ที่ใช้ในการบำบัด โดยที่ สถาบันวิจัยมะเร็ง AMC
จากประเทศสหรัฐอเมริกาอนุมัติให้ใช้ ในผู้ป่วยมะเร็งได้ ซึ่งเเป็น ปราศจากสารเคมี
Transfer Factor
เป็นสารสกัดธรรมชาติ 100% ไม่มีผลข้างเคียง , ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
ใช้คู่กับการรักษาทางหมอได้ ช่วยลดผลข้างเคียงของรังสีและเคมี ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
ป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ NK-CELL
สามารถช่วยต้านเชื้อโรค อื่นๆได้ ทรานสเฟอร์ แฟคเตอร์ เป็น นวัตกรรม ที่มีผลงานวิจัยรองรับ
Transfer Factor สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ของ NK-CELL ได้สูงสุด
Transfer Factor เหมาะกับใคร
ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง หรือ เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ทุกชนิด
ผู้ป่วยที่อยู่ในช่วงการรักษาทางแพทย์แผนปัจุบัน ทุกรูปแบบ
ผู้ป่วย ที่ต้องการเสริมสุขภาพ เตรียมความพร้อม ของร่างกายก่อน รับเคมีและรังสี
ผู้ป่วยที่อยู่ระหว่างการรับการรักษาโดยเคมีบำบัดหรือรังสี เพื่อลดผลข้างเคียงเคมีบำบัด
Transfer Facto(ทรานสเฟอร์ แฟคเตอร์) ได้รับการรับรองทางการแพทย์ในระดับสากุล
ได้รับการบรรจุให้อยู่ในหนังสือ PDR
หนังสือ PDR คือหนังสืออ้างอิงแพทย์ ที่แพทย์ใช้ในการค้นหาและแนะนำยา หรืออาหารเสริม
Transfer Factor(ทรานสเฟอร์ แฟคเตอร์) ได้รับการอนุมัติจาก สถาบันวิจัยมะเร็ง
ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งได้
x
Transfer Factor(ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์) ได้รับอนุมัติให้ใช้ใน รพ.ประเทศรัสเซียได้
แบ่งปันประสบการณ์การใช้ Transfer Factor สำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
ผู้ป่วย มะเร็ง ระยะลุกลาม ใช้ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ ร่วมกับการรักษา ทางหมอ
(ผลลัพธ์การใช้ ของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป)
คลิ๊ก Add Friends เพื่อเพิ่มเพื่อน หรือปรึกษา
|
|
|